จ่าอากาศ
การสอบเข้าเป็นนักเรียนจ่าอากาศ โรงเรียนจ่าอากาศ
โรงเรียนจ่าอากาศ เป็นโรงเรียนที่ผลิตนายทหารชั้นประทวน ให้กับกองทัพอากาศ การศึกษานักเรียนจ่าอากาศ (นจอ.) จะมี 3 หลักสูตร คือ หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพโรงเรียนจ่าอากาศ 3 ปีสำหรับนักเรียนที่สอบหลังจบม.3 และหลักสูตรโรงเรียนจ่าอากาศ 2 ปี สำหรับนักเรียนที่สอบหลังจบม.6/ปวช. และหลักสูตรประกาศนียบัตรพยาบาลศาสตร์ระดับต้น 2 ปี สำหรับนักเรียนที่สอบหลังจบม.6 โดยแต่ละหลักสูตรจะมีเหล่าให้เลือกศึกษา ดังนี้
1. หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพโรงเรียนจ่าอากาศ 3 ปี ได้แก่
- ช่างอากาศ ศึกษาเกี่ยวกับโครงสร้างอากาศยาน, เครื่องยนต์ลูกสูบ, เครื่องยนต์ก๊าซเทอร์ไบน์,ใบพัดอากาศยาน, เฮลิคอปเตอร์, เครื่องวัดประกอบการบิน, เครื่องช่วยในการเดินอากาศ,เครื่องกำเนิดไฟฟ้าในอากาศยาน, ระบบไฟฟ้าในอากาศยาน
- สื่อสาร ศึกษาเกี่ยวกับช่างสื่อสารอิเล็กทรอนิกส์ภาคพื้น, ประจำอากาศยาน, ช่างเรดาร์,ช่างโทรคมนาคม, ช่างเครื่องวัด, ช่างโทรศัพท์และเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการสื่อสาร
- สรรพาวุธ ศึกษาเกี่ยวกับอาวุธภาคอากาศ, ภาคพื้น, อาวุธติดตั้งกับเครื่องบิน, เรดาร์ควบคุมการยิง, อาวุธนำวิถีพื้นสู่อากาศ, วัตถุระเบิดทางทหารและนิรภัยวัตถุระเบิด, การทำลายวัตถุระเบิดขั้นพื้นฐาน, ชนวน
2. หลักสูตรโรงเรียนจ่าอากาศ 2 ปี ได้แก่
- ต้นหน (จำพวกทหารควบคุมการปฏิบัติทางอากาศ) ศึกษา เกี่ยวกับ การเฝ้าตรวจทางอากาศ, การพิสูจน์ฝ่าย, การควบคุมการบินสกัดกั้น, อากาศพลศาสตร์, สงครามอิเล็กทรอนิกส์, การบริการจราจรทางอากาศ, นิรภัยการบิน, การติดต่อสื่อสารในการควบคุมจราจรทางอากาศ, การบริการข่าวสารการบิน และการควบคุมทางอากาศยุทธวิธี
- อุตุ ศึกษา เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ทางธรรมชาติ ส่วนประกอบและชั้นต่างๆ ของบรรยากาศการเกิด ปรากฏการณ์ต่างๆทางอุตุนิยมวิทยาฤดูกาล การอ่านและการเขียนแผนที่ทางอากาศตามรหัสสากลขององค์การอุตุนิยมวิทยาโลกการเฝ้าติดตามสภาพอากาศโดยต่อเนื่องตลอดเวลา รวมถึงการให้บริการข่าวอากาศแก่ผู้ต้องการใช้ข่าวอากาศด้วยระบบการรับ-ส่งข่าวอากาศอัตโนมัติที่ถูกต้อง รวดเร็ว ทันเวลา
- สารวัตร ศึกษา เกี่ยวกับวิชากฎหมาย, แบบธรรมเนียมทหาร, วิชาการทหารสารวัตร, วิชาการประชาสัมพันธ์
- อากาศโยธิน ศึกษา เกี่ยวกับผู้นำและการบังคับบัญชา, ครูทหาร, ยุทธวิธีการรบ, การป้องกันฐานบินการปฏิบัติการพิเศษ (คอมมานโด/ค้นหาและช่วยชีวิต), การโดดร่มจากอากาศยาน, การยิงอาวุธด้วยกระสุนจริง
3. หลักสูตรประกาศนียบัตรพยาบาลศาสตร์ระดับต้น 2 ปี ได้แก่
- แพทย์ (สาขาวิชาพยาบาล) ศึกษาเกี่ยวกับกายวิภาคศาสตร์ และสรีรวิทยา, การพยาบาลเวชศาสตร์การบิน, ลำเลียงผู้ป่วยทางอากาศ, การพยาบาลรากฐาน, การพยาบาลจิตเวชศาสตร์, การพยาบาลอนามัยชุมชน, การพยาบาลผู้ใหญ่, การพยาบาลสูติศาสตร์, การพยาบาลทหาร,การพยาบาลเด็ก
คุณสมบัติที่สำคัญของผู้สมัคร
1. หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพโรงเรียนจ่าอากาศ 3 ปี ผู้สมัครต้องมีคุณสมบัติ ดังต่อไปนี้
1 เป็นชายโสด อายุไม่ต่ำกว่า 15 ปี และไม่เกิน 18 ปี ในปีที่จะเข้าเป็นนักเรียนจ่าอากาศ(นับตามพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ.2497 คือ ปี พ.ศ.ปัจจุบันลบด้วยปี พ.ศ.ที่เกิด)
2 คุณวุฒิ สำเร็จการศึกษาหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนต้น ของกระทรวงศึกษาธิการ หรือเทียบเท่า มีผลการศึกษาคะแนนเฉลี่ยสะสมตลอดหลักสูตรไม่ต่ำกว่า 2.00
3 มีสัญชาติไทย และบิดา มารดาผู้ให้กำเนิด มีสัญชาติไทยโดยกำเนิด (เกิดในประเทศไทย) ถ้าบิดาเป็นนายทหารสัญญาบัตร หรือนายทหารประทวน ซึ่งมีสัญชาติไทยโดยกำเนิดแล้ว มารดา มิใช่ผู้มีสัญชาติไทยโดยกำเนิดก็ได้
4 มีรูปร่าง ลักษณะท่าทาง ขนาดของร่างกาย และอวัยวะ เหมาะสมแก่การเป็นทหารไม่เป็นโรค และความพิการของร่างกาย ตามที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง ออกตามความในพระราชบัญญัติรับราชการทหาร และระเบียบกองทัพอากาศว่าด้วยมาตรฐานการตรวจทางแพทย์ของบุคคลที่สมัครเข้าเป็นนักเรียนจ่าอากาศ พ.ศ.2511
5 ไม่เคยมีภรรยาไม่ว่าจะถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ก็ตาม
6 ไม่เป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัว
7 ไม่เป็นผู้บกพร่องในศีลธรรม
8 ไม่เป็นผู้อยู่ในระหว่างเป็นผู้ต้องหาหรือเป็นจำเลยในคดีอาญาและไม่เคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่ความผิดลหุโทษ หรือความผิดอันได้กระทำโดยประมาท
9 ไม่เป็นผู้อยู่ระหว่างพักราชการเนื่องจากความผิด หรือหนีราชการ หรือไม่เคยเป็นผู้ถูกปลดเพราะความผิด หรือถูกไล่ออกจากราชการ หรือถูกไล่ออกจากโรงเรียนทหารของกระทรวงกลาโหมหรือสถาบันการศึกษาใดๆ
10 ไม่เป็นผู้ติดยาเสพติดให้โทษ หรือสารเสพติดที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ 11 ไม่เป็นผู้อยู่ในสมณเพศ
12 เป็นผู้ได้รับอนุญาตจากบิดา มารดา หรือผู้ปกครอง ให้สมัครเข้าเป็นนักเรียนจ่าอากาศ 13 ไม่เป็นผู้มีรอยสักใดๆ ที่ส่วนต่างๆ ของร่างกาย
2. หลักสูตรโรงเรียนจ่าอากาศ 2 ปี ผู้สมัครต้องมีคุณสมบัติ ดังต่อไปนี้
1 เป็นชายโสด อายุไม่ต่ำกว่า 17 ปี และไม่เกิน 20 ปี ในปีที่จะเข้าเป็นนักเรียนจ่าอากาศ(นับตามพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ.2497 คือ ปี พ.ศ.ปัจจุบัน ลบด้วย ปี พ.ศ.ที่เกิด)
2 คุณวุฒิสำเร็จการศึกษาหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลาย ของกระทรวงศึกษาธิการ หรือเทียบเท่าและมีผลการศึกษาคะแนนเฉลี่ยสะสมตลอดหลักสูตร ไม่ต่ำกว่า 2.00
3 มีสัญชาติไทย และบิดา มารดาผู้ให้กำเนิด มีสัญชาติไทยโดยกำเนิด (เกิดในประเทศไทย) ถ้าบิดาเป็นนายทหารสัญญาบัตร หรือนายทหารประทวน ซึ่งมีสัญชาติไทยโดยกำเนิดแล้ว มารดา มิใช่ผู้มีสัญชาติไทยโดยกำเนิดก็ได้
4 มีรูปร่าง ลักษณะท่าทาง ขนาดของร่างกาย และอวัยวะ เหมาะสมแก่การเป็นทหาร ไม่เป็นโรค และความพิการของร่างกายตามที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติรับราชการทหารและระเบียบกองทัพอากาศว่าด้วยมาตรฐานการตรวจร่างกายทางแพทย์ฯ
5 ไม่เคยมีภรรยาไม่ว่าจะถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ก็ตาม
6 ไม่เป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัว
7 ไม่เป็นผู้บกพร่องในศีลธรรม
8 ไม่เป็นผู้อยู่ในระหว่างเป็นผู้ต้องหาหรือเป็นจำเลยในคดีอาญาและไม่เคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่ความผิดลหุโทษ หรือความผิดอันได้กระทำโดยประมาท
9 ไม่เป็นผู้อยู่ระหว่างพักราชการเนื่องจากความผิด หรือหนีราชการ หรือไม่เคยเป็นผู้ถูกปลดเพราะความผิด หรือถูกไล่ออกจากราชการ หรือถูกไล่ออกจากโรงเรียนทหารของกระทรวงกลาโหมหรือสถาบันการศึกษาใดๆ
10 ไม่เป็นผู้ติดยาเสพติดให้โทษ หรือสารเสพติดที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ 11 ไม่เป็นผู้อยู่ในสมณเพศ
12 เป็นผู้ได้รับอนุญาตจากบิดา มารดา หรือผู้ปกครอง ให้สมัครเข้าเป็นนักเรียนจ่าอากาศ
13 ไม่เป็นผู้มีรอยสักใดๆ ที่ส่วนต่างๆ ของร่างกาย
** เหล่าต้นหน และอุตุ จะต้องจบม.6 แผนวิทย์-คณิต **
** หากจบแผนศิลป์ หรือปวช. หรืออื่นๆ จะเลือกได้เฉพาะเหล่าสารวัตร และอากาศโยธินเท่านั้น **
3. หลักสูตรประกาศนียบัตรพยาบาลศาสตร์ระดับต้น 2 ปี ผู้สมัครต้องมีคุณสมบัติ ดังต่อไปนี้
1 เป็นชายโสด อายุไม่ต่ำกว่า 17 ปี และไม่เกิน 20 ปี ในปีที่จะเข้าเป็นนักเรียนจ่าอากาศ(นับตามพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ.2497 คือ ปี พ.ศ.ปัจจุบัน ลบด้วย ปี พ.ศ.ที่เกิด)
2 คุณวุฒิสำเร็จการศึกษาหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลาย ของกระทรวงศึกษาธิการ หรือเทียบเท่า แผนการเรียนวิทยาศาสตร์-คณิตศาสตร์ (เคมี ชีววิทยา ฟิสิกส์) และมีผลการศึกษาคะแนนเฉลี่ยสะสมตลอดหลักสูตร ไม่ต่ำกว่า 2.00
3 มีสัญชาติไทย และบิดา มารดาผู้ให้กำเนิด มีสัญชาติไทยโดยกำเนิด (เกิดในประเทศไทย)ถ้าบิดาเป็นนายทหารสัญญาบัตร หรือนายทหารประทวน ซึ่งมีสัญชาติไทยโดยกำเนิดแล้ว มารดา มิใช่ผู้มีสัญชาติไทยโดยกำเนิดก็ได้
4 มีรูปร่าง ลักษณะท่าทาง ขนาดของร่างกาย และอวัยวะ เหมาะสมแก่การเป็นทหารไม่เป็นโรค และความพิการของร่างกาย ตามที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง ออกตามความในพระราชบัญญัติรับราชการทหารและระเบียบกองทัพอากาศ ว่าด้วยมาตรฐานการตรวจร่างกายทางแพทย์ฯ
5 เป็นชายโสด และไม่เคยมีภรรยาไม่ว่าจะถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ก็ตาม
6 ไม่เป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัว
7 ไม่เป็นผู้บกพร่องในศีลธรรม
8 ไม่เป็นผู้อยู่ในระหว่างเป็นผู้ต้องหาหรือเป็นจำเลยในคดีอาญาและไม่เคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่ความผิดลหุโทษ หรือความผิดอันได้กระทำโดยประมาท
9 ไม่เป็นผู้อยู่ระหว่างพักราชการเนื่องจากความผิด หรือหนีราชการ หรือไม่เคยเป็นผู้ถูกปลดเพราะความผิด หรือถูกไล่ออกจากราชการ หรือถูกไล่ออกจากโรงเรียนทหารของกระทรวงกลาโหมหรือสถาบันการศึกษาใดๆ
10 ไม่เป็นผู้ติดยาเสพติดให้โทษ หรือสารเสพติดที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ 11 ไม่เป็นผู้อยู่ในสมณเพศ
12 เป็นผู้ได้รับอนุญาตจากบิดา มารดา หรือผู้ปกครอง ให้สมัครเข้าเป็นนักเรียนจ่าอากาศ
13 ไม่เป็นผู้มีรอยสักใดๆ ที่ส่วนต่างๆ ของร่างกาย
ขนาดพิกัดร่างกาย
จำนวนรับ แต่ละปีรับจำนวนไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับอัตราที่อนุมัติ เฉลี่ยประมาณ 220-250 นาย
การรับสมัคร
1. สมัครทางไปรษณีย์ ประมาณเดือนธันวาคม – กุมภาพันธ์ โดยจะถือวันประทับตราไปรษณีย์ต้นทางเป็นสำคัญ (ซื้อระเบียบการหรือโหลดใบสมัครทาง อินเตอร์เน็ต http://www.atts.ac.th หรือ http://www.atts.rtaf.mi.th)
2. สมัครด้วยตนเอง ที่อาคารรณนภากาศ โรงเรียนนายเรืออากาศ ถนนพหลโยธิน เขตสายไหม กรุงเทพฯ โดยไม่ต้องเตรียมรูปถ่าย(ถ่ายรูปกับกองรับสมัคร) ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ (มีระเบียบการจำหน่าย)
3. สมัครทางอินเตอ์เน็ต ประมาณเดือนธันวาคม – กุมภาพันธ์ ทาง http://www.atts.ac.thหรือ http://www.atts.rtaf.mi.th)
การสอบคัดเลือก
- การสอบรอบแรกภาควิชาการ ประมาณต้นเดือนมีนาคม วิชาที่สอบ ได้แก่
- วิชาคณิตศาสตร์ 175 คะแนน
- วิชาภาษาอังกฤษ 150 คะแนน
- วิชาภาษาไทย 100 คะแนน
- วิชาวิทยาศาสตร์ 175 คะแนน
ตามหลักสูตรปัจจุบันของกระทรวงศึกษาธิการ
- การสอบรอบสอง การสอบรอบสอง ประมาณต้นเดือนเมษายน โดยมีรายละเอียดดังนี้
- การตรวจขนาดพิกัดความสมบูรณ์ของร่างกายรวมทั้งการตรวจโรคและความพิการที่ขัด ต่อการเป็นนักเรียนจ่าอากาศ ผลการตรวจของคณะกรรมการที่กรมแพทย์ทหารอากาศแต่งตั้งในการตรวจครั้งนี้ถือ เป็นเด็ดขาด
- การทดสอบสุขภาพจิต(สอบความถนัดและวิภาววิสัย) เป็นการตรวจสอบลักษณะบุคลิกภาพ แนวความคิด อารมณ์ และจิตใจ ซึ่ง ผลการตรวจของคณะกรรมการในการตรวจถือเป็นเด็ดขาด
- การสอบความเหมาะสม เป็นการสอบการสัมภาษณ์ ท่วงที – วาจา เพื่อดูลักษณะท่าทาง และความเหมาะสมในการเป็นทหาร และความรู้ทั่วไปที่ควรทราบ (100 คะแนน)
- การปฏิบัติตามคำสั่ง 20 คะแนน (ความเข้าใจคำสั่ง, ความรวดเร็ว,ความถูกต้อง, ความเข้มแข็ง และควบคุมอารมณ์)
- ลักษณะทหาร 20 คะแนน (ความสมส่วน, ความสมบูรณ์ส่วนบน,ความสมบูรณ์ส่วนล่าง, ลักษณะการเคลื่อนไหว และความเหมาะสมส่วนรวม)
- ท่วงทีวาจา 20 คะแนน (เสียงดัง, ไม่ติดอ่าง, ความชัดเจน, ความปกติของเสียงและความถูกต้องของภาษาพูด)
- ปฏิภาณไหวพริบ 20 คะแนน (ความคล่องแคล่วในการตอบ, ตัดสินใจรวดเร็วถูกต้อง, การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า, ความเชื่อมั่นในตนเอง และความคิดสร้างสรรค์)
- ความรู้รอบตัว 20 คะแนน (เกี่ยวกับตนเอง, การทหาร, กองทัพอากาศ, การเมืองและศาสนา, สังคม, วัฒนธรรม)
- การสอบพละศึกษาเป็นการทดสอบสมรรถภาพร่างกาย ดังนี้
- สถานีที่ 1 ดึงข้อราวเดี่ยว (10 ครั้ง) 20 คะแนน
- สถานีที่ 2 วิ่งระยะทาง 1,000 เมตร 20 คะแนน
- สถานีที่ 3 ลุก-นั่ง จับเวลา 30 วินาที 20 คะแนน
- สถานีที่ 4 ยืนอยู่กับที่กระโดดไกล 20 คะแนน
- สถานีที่ 5 ว่ายน้ำ จับเวลา ระยะทาง 50 เมตร 20 คะแนน
- การส่งเอกสารผลคะแนนเฉลี่ยรวม ที่ไม่ต่ำกว่า 2.00
สิทธิและประโยชน์ที่นักเรียนจ่าอากาศได้รับ
1 ได้รับจ่ายสิ่งของจากราชการตามอัตราจ่ายที่ทางราชการกำหนด
2 ได้รับเบี้ยเลี้ยงวันละ 75 บาท (เบี้ยเลี้ยงกรณีไปราชการนอกที่ตั้งปกติวันละ 94.- บาท)
3 ได้รับเงินเดือนตามพระราชกฤษฎีกา การปรับอัตราเงินเดือนของข้าราชการทหารกองประจำการและนักเรียนทหารในสังกัดกระทรวงกลาโหม พ.ศ.2554 ดังนี้
1 หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพโรงเรียนจ่าอากาศ
- ชั้นปีที่ 1 รับเงินเดือน พ.1/10 เดือนละ 2,610 บาท
- ชั้นปีที่ 2 รับเงินเดือน พ.1/12 เดือนละ 2,890 บาท
- ชั้นปีที่ 3 รับเงินเดือน พ.1/13 เดือนละ 3,070 บาท
2 หลักสูตรประกาศนียบัตรพยาบาลศาสตร์ ระดับต้น
- ชั้นปีที่ 1 รับเงินเดือน พ.1/13 เดือนละ 3,070 บาท
- ชั้นปีที่ 2 รับเงินเดือน พ.1/14 เดือนละ 3,270 บาท
3 หลักสูตรโรงเรียนจ่าอากาศ
- ชั้นปีที่ 1 รับเงินเดือน พ.1/13 เดือนละ 3,070 บาท
- ชั้นปีที่ 2 รับเงินเดือน พ.1/14 เดือนละ 3,270 บาท
4 โรงเรียนจ่าอากาศประกอบเลี้ยงอาหารทุกวัน วันละ 3มื้อ โดยใช้เงินเบี้ยเลี้ยงบางส่วนเป็นค่าอาหาร
5 ได้รับสิทธิ์ในการคัดเลือกเข้าเป็นนักเรียนทุน กองทัพอากาศ ศึกษาต่อที่โรงเรียนเตรียมทหาร ในส่วนกองทัพอากาศ ตามหลักเกณฑ์ที่กองทัพอากาศกำหนด (อายุไม่เกิน 17 ปีบริบูรณ์ ในปีที่สมัครเป็นนักเรียนจ่าอากาศ = เฉพาะผู้สอบวุฒิม.3)
สิทธิประโยชน์เมื่อสำเร็จการศึกษา
นักเรียนจ่าอากาศทุกเหล่าทหาร เมื่อสำเร็จการศึกษาตามหลักสูตรจะได้รับการบรรจุเข้ารับราชการและแต่งตั้งยศเป็นจ่าอากาศตรี รับเงินเดือนตามกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ และวิธีการบรรจุบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการทหารและการให้ได้รับเงินเดือน พ.ศ.2549 ดังนี้
1 สำเร็จหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพโรงเรียนจ่าอากาศ (วุฒิ ม.3) ศึกษา 3 ปี รับเงินเดือนเดือนละ 6,140 บาท
2 สำเร็จหลักสูตรประกาศนียบัตรพยาบาลศาสตร์ ระดับต้น (วุฒิ ม.6) ศึกษา 2 ปี รับเงินเดือนเดือนละ 6,800 บาท
3 สำเร็จหลักสูตรโรงเรียนจ่าอากาศ (วุฒิ ม.6 หรือเทียบเท่า) ศึกษา 2 ปี รับเงินเดือนเดือนละ 6,800 บาท
4 สำเร็จหลักสูตรโรงเรียนจ่าอากาศ (วุฒิ ปวช.หรือเทียบเท่า) ศึกษา 2 ปี รับเงินเดือนเดือนละ 7,460 บาท
อัตราเงินเดือนดังกล่าว เป็นไปตามบัญชีอัตราเงินเดือนข้าราชการทหาร ทหารกองประจำการ และนักเรียนในสังกัดกระทรวงกลาโหม ท้ายพระราชกฤษฎีกา การปรับอัตราเงินเดือนของข้าราชการฯ
ความก้าวหน้าในอาชีพ
1 การศึกษา, ฝึกงาน หรือดูงานทั้งในและต่างประเทศผู้สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนจ่าอากาศทุกเหล่าทหาร เมื่อรับราชการครบ 2 ปี มีสิทธิ์สมัครสอบคัดเลือกไปศึกษา ฝึกงาน หรือดูงานทั้งใน และต่างประเทศ ตามที่ทางราชการกำหนด
2 เลื่อนฐานะเป็นนายทหารสัญญาบัตร ผู้สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนจ่าอากาศ เมื่อมีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่ทางราชการกำหนดมีสิทธิ์สอบเลื่อนฐานะเป็นนายทหารสัญญาบัตร ตามความต้องการบรรจุกำลังพลในแต่ละปี (ครองยศพันจ่าอากาศเอก มีอายุ 36-39 ปี) ทั้งนี้ยังมีสิทธิสอบแข่งกับบุคคลพลเรือนในการสอบของบุคคลภายนอกประจำปีงบประมาณด้วย
ความก้าวหน้าในแต่ละเหล่า
1. หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพโรงเรียนจ่าอากาศ 3 ปี ได้แก่
- ช่างอากาศ สามารถสอบคัดเลือกไปศึกษาดูงานต่างประเทศ สอบเลื่อนฐานะเป็นนายทหารสัญญาบัตร สามารถออกไปปฏิบัติงานสายการบินพาณิชย์ได้ หรือถ้าได้ทำงานบนอากาศยานจะได้รับเงินเพิ่ม 4,200 บาทต่อเดือน
ข้อมูลดีๆจาก http://www.iqcentre.org
ข้อมูลดีๆจาก http://www.iqcentre.org
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น